เจ้าชายกบ
THE FROG PRINCE
ในเย็นวันหนึ่งที่อากาศสดชื่น เจ้าหญิงน้อยพระองค์หนึ่งสวมหมวกบอนเน็ตกับรองเท้าไม้ แล้วเสด็จออกไปเดินเล่นเพียงลำพังในป่าใหญ่ ครั้นเดินมาถึงแหล่งน้ำพุใสกลางป่า ก็ประทับนั่งลงบนขอบบ่อเพื่อพักเหนื่อย พระหัตถ์ถือของเล่นชิ้นโปรดซึ่งเป็นลูกบอลทองคำ และทรงเล่นโยนขึ้นสูงแล้วรับกลับอยู่เช่นนั้นด้วยความเพลิดเพลิน
แต่แล้วก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เมื่อลูกบอลถูกโยนสูงเกินไป เจ้าหญิงคว้าไว้ไม่ทัน มันจึงกระดอนกลิ้งไปบนพื้นดินจนหล่นลงในน้ำพุ ครั้นทอดพระเนตรตามลงไปก็เห็นว่าน้ำพุนั้นลึกมากเสียจนมองไม่เห็นก้นบ่อ ความเศร้าโศกก็พลันเข้าครอบงำ พระองค์จึงร่ำไห้พลางตรัสว่า
“โอหนอ! หากสามารถได้ลูกบอลกลับคืนมา จะยอมแลกด้วยเสื้อผ้าสวยงาม เครื่องประดับล้ำค่า หรือแม้แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในโลกนี้”
ขณะนั้นเอง กบตัวหนึ่งโผล่หัวขึ้นมาจากผิวน้ำ แล้วพูดว่า
“เหตุใดเจ้าหญิงจึงร้องไห้อย่างทุกข์ระทมจนก้อนหินยังสงสารเพียงนี้เล่า?”
เจ้าหญิงทรงแย้มพระโอษฐ์อย่างรังเกียจ
“เจ้าเป็นเพียงกบน่ารังเกียจ จะช่วยอะไรได้? ลูกบอลทองของข้าหล่นลงไปในน้ำพุแล้ว”
กบจึงตอบว่า
“ข้าไม่ต้องการอัญมณีหรือเสื้อผ้าสวยงามของเจ้า แต่หากเจ้ายินดีจะรักข้า ให้ข้าได้อาศัยอยู่เคียงข้าง กินอาหารจากจานทองคำของเจ้า และนอนบนเตียงเดียวกัน ข้าจะนำลูกบอลคืนมาให้”
เจ้าหญิงได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะในใจ คิดว่ากบพูดไร้สาระ จะขึ้นจากบ่อมายังยาก แล้วอย่างไรจะมาอยู่ด้วยกันได้? แต่เพื่อให้ได้ลูกบอลคืนมา จึงตรัสตอบไปว่า
“หากเจ้าหานำลูกบอลคืนมาได้จริง ข้าก็จะยอมตามที่เจ้าว่า”
กบจึงดำดิ่งลงไปในน้ำ แล้วไม่นานก็โผล่ขึ้นมาพร้อมลูกบอลในปาก พลันโยนขึ้นบนขอบบ่อ เมื่อเจ้าหญิงเห็นของรักอยู่เบื้องหน้า ก็ดีพระทัยยิ่งนัก รีบคว้าลูกบอลไว้ แล้ววิ่งกลับพระราชวังโดยไม่เหลียวแลกบเลยแม้แต่น้อย
“เดี๋ยวก่อนเจ้าหญิง! อย่าลืมคำสัญญา” กบร้องไล่ตามหลัง
แต่พระองค์มิได้หยุดฟัง หายลับไปทันที
วันรุ่งขึ้น ขณะเจ้าหญิงนั่งเสวยพระกระยาหารเย็นอยู่นั้น ก็มีเสียงประหลาดดังขึ้น…
ต๊อก ต๊อก... แต็ก แต็ก…
คล้ายมีบางอย่างกำลังเคลื่อนขึ้นบันไดหินอ่อน แล้วไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูเบา ๆ ตามด้วยเสียงเล็กแหลมร้องขึ้นว่า
“เปิดประตูเถิด เจ้าหญิงของข้า
เปิดรับรักแท้ที่เจ้าสัญญา
จำได้หรือไม่ วาจาเคยกล่าว
ณ แหล่งน้ำเย็น ท่ามกลางร่มเงาไม้”
เจ้าหญิงวิ่งไปเปิดประตู แล้วต้องตกพระทัยเมื่อเห็นกบตนนั้นที่เคยลืมไปแล้วโดยสิ้นเชิง ด้วยความกลัวจึงรีบปิดประตูเสีย แล้วกลับไปนั่งยังที่เดิม
พระราชาบิดาทอดพระเนตรเห็นว่าบุตรสาวมีท่าทีหวาดกลัว จึงตรัสถามว่าเกิดสิ่งใดขึ้น
เจ้าหญิงทรงเล่าเสียงสั่นว่า
“มีกบน่าเกลียดตนนั้นอยู่หน้าประตู มันเป็นผู้ช่วยเก็บลูกบอลให้เมื่อวานนี้ ข้าเคยบอกว่าจะให้มันอยู่ด้วย เพราะคิดว่ามันไม่มีทางขึ้นมาจากบ่อได้ แต่บัดนี้มันอยู่ตรงนั้นจริง ๆ และต้องการเข้ามาในวัง”
ยังไม่ทันจบคำ ก็มีเสียงเคาะประตูอีกครั้ง แล้วกบก็ร้องขึ้นว่า—
เสียงจากภายนอกดังขึ้นอีกครั้ง
“เปิดประตูเถิด เจ้าหญิงของข้า
เปิดรับรักแท้ที่เจ้าสัญญา
จำได้หรือไม่ วาจาเคยกล่าว
ณ แหล่งน้ำเย็น ท่ามกลางร่มเงาไม้”
พระราชาผู้เป็นบิดาได้ยินดังนั้น ก็ตรัสกับเจ้าหญิงน้อยว่า
“เมื่อลั่นวาจาไว้แล้ว ก็ต้องรักษาสัญญา เปิดประตูให้กบเข้ามาเถิด”
เจ้าหญิงจึงจำต้องลุกขึ้นไปเปิดประตู เมื่อนั้นกบก็กระโดดเข้ามาในห้อง
เสียงเท้ากระทบพื้นดัง ต๊อก ต๊อก... แต็ก แต็ก...
จนกระทั่งมันมาหยุดอยู่ตรงหน้าพระโต๊ะเสวยที่เจ้าหญิงประทับนั่ง
“ขอให้ยกข้าขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ข้างเจ้าด้วยเถิด” กบเอ่ย
แม้เต็มไปด้วยความลังเล เจ้าหญิงก็ต้องปฏิบัติตามคำขอ เมื่อนั้นกบจึงพูดต่อ
“เลื่อนจานทองคำของเจ้ามาใกล้ข้าหน่อย จะได้กินพร้อมกัน”
แม้รู้สึกขยะแขยง แต่เจ้าหญิงก็ยอมทำตาม เมื่อลูกกบกินอิ่มหนำก็กล่าวอีกว่า
“บัดนี้ข้าเหนื่อยนัก จงอุ้มข้าขึ้นไปชั้นบน แล้ววางข้าไว้บนหมอนของเจ้าเถิด”
แม้ใจจะไม่เต็มร้อย เจ้าหญิงก็ยอมอุ้มกบขึ้นวางบนหมอนนุ่มของตน และในคืนนั้นกบก็ได้นอนข้างเจ้าหญิงจนรุ่งเช้า ครั้นแสงแรกของวันสาดส่อง กบก็กระโดดลงจากเตียง วิ่งลงบันได แล้วออกจากวังไป
เจ้าหญิงถอนหายใจด้วยความโล่งใจ
“ในที่สุดก็พ้นเสียที คงไม่ต้องเจอกบประหลาดนั่นอีกแล้ว”
แต่ความคิดนั้นกลับไม่เป็นจริง เพราะเมื่อค่ำคืนมาเยือนอีกครั้ง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมเสียงร้องเดิมว่า
“เปิดประตูเถิด เจ้าหญิงของข้า
เปิดรับรักแท้ที่เจ้าสัญญา
จำได้หรือไม่ วาจาเคยกล่าว
ณ แหล่งน้ำเย็น ท่ามกลางร่มเงาไม้”
เจ้าหญิงเปิดประตูอย่างกลัว ๆ และกบก็กระโดดขึ้นมานอนบนหมอนของนางอีกเป็นคืนที่สอง
คืนที่สามก็เป็นเช่นเดิม—แต่ในรุ่งเช้าวันนั้น เมื่อเจ้าหญิงตื่นขึ้น กลับพบว่าบนหมอนหาใช่กบตัวเดิมไม่ แต่เป็นชายหนุ่มรูปงามดั่งเจ้าชายในเทพนิยาย กำลังยืนอยู่ปลายเตียง แววตาเปล่งประกายอ่อนโยนจับใจ
เจ้าชายผู้ลึกลับเอ่ยว่า
“ข้าเคยต้องคำสาปจากนางฟ้าใจร้าย กลายเป็นกบอยู่ในบ่อ จนกว่าจะมีเจ้าหญิงผู้ใจกล้านำขึ้นจากน้ำ ให้กินอาหารจากจานของนาง และนอนบนหมอนเดียวกันถึงสามคืน เจ้าคือผู้ทำลายมนตร์นั้นลงอย่างสิ้นเชิง” จากนั้นเขาก็กล่าวเสริมว่า “บัดนี้ไม่มีสิ่งใดที่ข้าปรารถนาอีก นอกจากให้เจ้าไปกับข้า สู่อาณาจักรของบิดาข้า ที่นั่นเราจะได้แต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกันตราบวันสิ้นลมหายใจ”
เจ้าหญิงน้อยนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ แล้วก็ยิ้มรับด้วยหัวใจพองโต
ทันใดนั้น รถม้าสีทองก็แล่นมาจอดหน้าปราสาท ม้าทั้งแปดประดับด้วยขนนกแพรวพราว เครื่องเทียมม้าก็ล้วนเป็นทองคำ และเบื้องหลังรถม้านั้นมีข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์นามว่า “ไฮน์ริช” คอยติดตาม เขาเคยเศร้าเสียใจต่อโชคชะตาเจ้าชายอย่างรุนแรงจนหัวใจแทบแตกสลาย
ทั้งเจ้าชายและเจ้าหญิงกล่าวลาพระราชา แล้วพากันขึ้นรถม้าท่ามกลางความยินดี ก่อนจะออกเดินทางไปยังอาณาจักรของเจ้าชาย และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทั้งสองก็ครองรักกันอย่างมีความสุขตราบนานเท่านาน.
จบบริบูรณ์
🔹และหากคุณเป็นเซเฮราซาด คุณอยากเล่านิทานเรื่องใดให้สุลต่านชาห์เรียร์ฟังต่อไปในค่ำคืนนี้?
👉 กดเลือกนิยายเรื่องต่อไป ที่นี่ 👈